วันพฤหัสบดีที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ผกก.นิเวศน์ อาภาวศิน..คร๊าบบบ

 

'เฟคไอดี' ภัยร้ายออนไลน์ เฟซบุ๊คยอดร้องเรียน 'พุ่ง'


'เฟคไอดี' ภัยร้ายออนไลน์ เฟซบุ๊คยอดร้องเรียน'พุ่ง'
          จากจำนวนประชากรอินเทอร์เน็ตกว่า 25 ล้านคนในปัจจุบันประกอบกับการขยายตัวของโซเชียลมีเดียส่งผลให้ "เนื้อหา" ในสื่อออนไลน์ซึ่งด้านหนึ่งเป็นประโยชน์แต่อีกมุมก็เข้าข่ายเป็น "ภัย" ซึ่งส่งผลกระทบในวงกว้างในยุคนี้  "การรู้เท่าทันป้องกันและใช้สื่อสังคมออนไลน์อย่างสร้างสรรค์" จึงประเด็นที่สังคมไทยยุคใหม่ต้องให้ความสำคัญพร้อมกำกับดูแล
          นักศึกษาหลักสูตรนิเทศศาสตรมหาบัณฑิตมหาวิทยาลัยศรีปทุมจัดสัมมนา "ข่าวออนเฟสหลุมพรางออนไลน์ที่สังคมกำลังเผชิญ"  ระดมความคิดเห็นจากหน่วยงานต่างๆเพื่อร่วมกันระวังภัยจากคอนทนท์ที่แพร่กระจายอย่างรวดเร็วสื่อออนไลน์

           ...นิเวศน์ อาภาวศิน ผู้กำกับการกลุ่มงานตรวจสอบและวิเคราะห์การกระทำผิดทางเทคโนโลยี กองบังคับการสนับสนุนทางเทคโนโลยี สำนักงานเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (บก.สสท.สทส.) หนึ่งในผู้ร่วมสัมมนา กล่าวว่า ในฐานะผู้บังคับใช้กฎหมายพบว่าในสื่อสังคมออนไลน์โดยเฉพาะเฟซบุ๊คนั้นมี "ตัวปลอม" หรือที่เรียกว่า "เฟคไอดี" เป็นจำนวนมากบางรายไม่เคยใช้แต่มีชื่อปรากฏอยู่ในระบบรวมทั้งบุคคลที่มีชื่อเสียงหรือเป็นบุคคลสำคัญในสังคมได้ถูกแอบอ้างเช่นกัน
           ด้วยจำนวนผู้ใช้งานเฟซบุ๊คในไทยกว่า 16 ล้านราย  พบว่าในแต่ละวันมีการแจ้งปัญหาจำนวนมากเฉลี่ย 50,000 รายต่อวันซึ่งต้องใช้เวลากว่า 1 เดือน จึงจะนำเรื่องร้องเรียนนั้นมาพิจารณาว่าขัดต่อข้อกำหนดการใช้หรือไม่ซึ่ง เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการพูดคุยทำความเข้าใจกับผู้บริหารเฟซบุ๊คเรื่องการ ปรับปรุงข้อกำหนดด้านเพื่อคุ้มครองให้กับผู้ได้รับผลกระทบแล้ว
           นอกจากเรื่องตัวปลอมหรือ "เฟคไอดี" แล้วในสื่อสังคมออนไลน์ยังมีภัยอีก 2 รูป แบบใหญ่ๆรูปแบบแรกคือการหลอกลวงทั้งเรื่องทรัพย์สินและละเมิดทางเพศโดยใน เรื่องการละเมิดทางเพศนั้นมีเด็กวัยรุ่นตกเป็นเหยื่อจำนวนมากส่วนรูปแบบที่ สองคือการโจมตีโดยใช้เฟซบุ๊คเป็นเครื่องมือบางเรื่องไม่สามารถแยกแยะข้อเท็จ จริงได้ 

100 คดีจับได้ไม่เกิน 5
          สำหรับวิธีการป้องกันภัยที่เกิดจากการใช้สื่อสังคมออนไลน์  มี ด้วยกันหลายแนวทางแต่สำหรับผู้ใช้วิธีการง่ายๆคือการตั้งค่าความเป็นส่วนตัว หรือตั้งกลุ่มที่สามารถคัดกรองได้ซึ่งจะช่วยคัดกรองผู้ที่มาแสดงความคิดเห็น ได้อย่างไรก็ตามจากการศึกษาและจากประสบการณ์ทำงานการบังคับใช้กฎหมายที่ผ่าน มาเห็นว่าสิ่งที่สำคัญในการป้องกันอาชญากรรมประเภทนี้คือการป้องกันไม่ให้ เกิดโอกาสวิธีการป้องกันที่ดีที่สุดคือการสามารถระบุตัวตนของผู้ใช้ได้   
          "จากสถิติตัวเลขอาชญากรรมในโลกออนไลน์พบว่า 100 คดีสามารถจับกุมได้ไม่เกิน 5 คดี เพราะไม่สามารถระบุตัวตนได้ไม่รู้ว่าเป็นใครนี่คือภัยที่กำลังเกิดขึ้นใน สังคมไทยเบอร์โทรศัพท์แบบเติมเงินมีมากกว่าแบบลงทะเบียนเป็นจำนวนมากบัตร เติมเงินสามารถซื้อสินค้าได้โอนเงินได้กดเงินในตู้เอทีเอ็มได้แต่การติดตาม ทำได้ยากมากทั้งที่กฎหมายมีกำหนดเรื่องการระบุตัวตนแต่ไม่มีใครปฏิบัติหรือ มีแต่ตีความคำว่าผู้ให้บริการคืออินเทอร์เน็ตเท่านั้น" ...นิเวศน์กล่าว
           แนวทางการแก้ไขปัญหาประการหนึ่งคือการเปลี่ยนจาก "แบล็คลิสต์" เป็น "ไวท์ลิสต์" ให้กลุ่มคนที่สามารถยืนยันตัวตนได้มารวมกลุ่มกันและให้ได้รับสิทธิในเรื่องต่างๆเช่นเดียวกับผู้ใช้โซเชียลมีเดียต้องระบุตัวตนได้  ขณะ เดียวกันสื่อสังคมออนไลน์มีประโยชน์มากมายแต่ควรใช้อย่างสมดุลพอประมาณมี เหตุมีผลและใช้อย่างมีภูมิคุ้มกันนำข่าวมาวิเคราะห์เป็นบทเรียนไม่ใช้ เทคโนโลยีมากจนเกินไป
ปัจจัยเหยื่อสื่อออนไลน์
           ธาม เชื้อสถาปนศิริ นักวิจัยชำนาญการสถาบันวิชาการสื่อสาธารณะ (สวส.) องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณแห่งประเทศไทย (ไทยพีบีเอส) และนักวิชาการด้านสื่อสารมวลชน กล่าวว่า สาเหตุที่ทำให้มีผู้ตกเป็นเหยื่อในสื่อสังคมออนไลน์มี 3 ข้อด้วยกันคือ 1.ความสะดวกสบายรวดเร็วใช้งานง่าย 2.มีเนื้อหาน่าสนใจน่าติดตามเป็นจำนวนมากไม่ว่าจะเป็นข่าวบันเทิงเกม  และ 3.ความ ไว้วางใจระหว่างเพื่อนการติดตามผู้มีชื่อเสียงคนดังนักการเมืองดาราหรือแม้ กระทั่งบริษัทเอกชนที่น่าเชื่อถือซึ่งเป็นเหยื่อทำให้ตกหลุมพรางได้
ธาม เชื้อสถาปนศิริ
           "สื่อ ออนไลน์เอื้อให้เกิดการผลิตเนื้อหาที่มีอิทธิพลและมีเหยื่อสิทธิเสรีภาพใน โลกออนไลน์จำนวนมากมายเป็นเหยื่อความต้องการของตัวเองที่อยากดังหรือควบคุม สิ่งต่างๆได้และไม่อาจรู้ได้ว่าเราเป็นเหยื่ออะไรบ้างแต่สื่อสังคมออนไลน์ อย่างเฟซบุ๊คทำให้เกิดการเสพติดประสบการณ์ใหม่ๆความรู้สึกใหม่ๆ  จาก เดิมที่อ่านข่าวอย่างเดียวแต่ปัจจุบันนี้สามารถแสดงความคิดเห็นได้ทันทีเรา ไม่ได้ใช้สื่อใหม่เพื่อสื่อสารแต่ได้ย้ายชีวิตตัวเองความรู้สึกตัวเองเข้าไป อยู่ในออนไลน์ทำให้เสพติดประสบการณ์เสมือนจริงที่เป็นหลุมพรางขนาดใหญ่"
           สังคมไม่อาจหลีกเลี่ยงสิ่งเหล่านี้ได้ดังนั้นสิ่งสำคัญคือจะถ่วงดุลและ สร้างสมดุลของชีวิตจริงกับออนไลน์ที่ทั้งเยาวชนและผู้ปกครองกำลังเผชิญอยู่ ได้อย่างไร
'คนข่าวตรวจสอบข้อมูลก่อนใช้
           ในมุมของผู้ที่ทำงานด้านข่าวอย่าง วรลักษณ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้สื่อข่าวรายการ "ที่นี่ ThaiPBS" ทาง สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอสกล่าวว่าข้อมูลข่าวสารจากสื่อสังคมออนไลน์สามารถนำ ไปต่อยอดทำประโยชน์ได้มากมายแต่ต้องตรวจสอบแหล่งที่มาให้ชัดเจนก่อนจะนำไป เผยแพร่ต่อสาธารณะหากเกิดความผิดพลาดจากการนำข้อมูลในสื่อสังคมออนไลน์มา รายงานจะต้องขอโทษและแก้ไขในพื้นที่เดิมโดยนำข้อมูลข้อเท็จจริงมานำเสนอให้ น้ำหนักเท่ากับการรายงานที่ผิดพลาดไป
วรลักษณ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา
           "สื่อ ก็คือคนเหมือกันเราเสพข้อมูลในโซเชียลมีเดียตลอดเวลาไม่ใช่เรื่องผิดแต่ ต้องบอกตัวเองว่ารายงานทันทีไม่ได้ไม่เชื่อทั้งหมดหากตรวจสอบข้อมูลไม่ได้ก็ ไม่จำเป็นต้องรายงานเพราะทุกอย่างต้องตรวจสอบให้ได้ข้อเท็จจริงชัดเจนที่สุด ก่อนนำเสนอข้อมูล" ..วรลักษณ์ กล่าว
..........ll..........
ที่มา : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันที่ 9 มกราคม 2556

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น